รบกวนแนะนำตัวกับทุกคนหน่อยค่ะ

ชื่อจริง วรรณพร ชื่อเล่น นุ่น ค่ะ ทำงานในส่วนของผู้จัดการแผนกฝ่ายผลิต พวก Packageing ซองผลิตใส่ Product อาหาร หรือ Product อื่น ๆ ให้ลูกค้าค่ะ

ทำไมพี่นุ่นถึงเลือกเรียน Course เจรจาต่อรองให้ชนะทุกการทำงานอย่างมืออาชีพด้วยเทคนิค Negotiation คะ ? 

เหมือนกับว่าเวลาเราทำงาน การใช้ในส่วนของการต่อรอง อย่างเช่น เวลาเราผลิตงานไป เราจะต้องคุยเรื่องกำลังการผลิต ต้องคุยต่อรองกับฝ่ายวางแผน เหมือนเราต้องการคุย เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันควรจะใช้พวก Negotiate บางครั้งจะมีคุยกับลูกค้าโดยตรง ส่วนใหญ่ฝ่ายเทคนิคจะต้องคุยกับลูกค้า เราก็ต้องใช้ความรู้ตรงนี้มาเสริม เพราะว่าส่วนใหญ่เราเป็นหน่วยงานที่ดูแลในส่วนของการประชุม เราต้องคุยกับผู้จัดการแผนกในส่วนอื่น ๆ ด้วย ซึ่งเราต้องหาข้อตกลงร่วมกัน ถ้าเราประชุมไปแล้ว เราไม่สามารถหาข้อตกลงร่วมกันด้วย อย่างบางเรื่องที่ Configure กัน ก็ต้องหาการต่อรองที่ค่อยข้างชัดเจน ว่าต่างคนต่าง win win ด้วยกัน

แล้วทำไมตัดสินใจเลือกเรียนกับ FutureSkill คะ ?

จริง ๆ ตอนแรก เหมือนเราดูใน Facebook จริง ๆ ตัวคอร์สเรียน Negotiate ตอนแรกไม่ได้ดูแบบชัดเจน สมัครเป็นคอร์ส by คอร์สไป ตอนแรกเราสนใจ Python Excel การเขียนโปรแกรม Coding ต่าง ๆ เหมือนพอเราสมัครไปแล้ว เขาก็ยิง Ads เข้ามา ให้สมัครเป็นรายปี เราก็สมัคร 3 ปียาวไปเลย ก็เลยได้รู้จักตัวคอร์สนี้ขึ้นมา ก็เลยสนใจ แล้วก็เรียนจบสำหรับคอร์สนี้นะ แต่ก็มีคอร์สอื่นที่เรียนจบ แต่ว่าก็ยังไม่ค่อยมีเวลา เพราะว่างานค่อยข้างเยอะค่ะ

หลังจากที่ได้เรียนกับ FutureSkill ไปแล้ว เอาไปปรับใช้ยังไงบ้างคะ?

สมมติว่าเวลาเราเจอปัญหางานเข้ามา ของเราจะเป็นในส่วนของงานผลิตงาน ในส่วนของทาง QC เหมือนเขาต้องการที่จะได้ข้อมูล 1 2 3 4 แต่ซึ่งบางที เวลาเขาต้องการอะไร เขาจะไม่พูดความต้องการอย่างชัดเจน เราก็ใช้ Negotiate ตัวนี้ ในการที่ว่า บางทีเราต้องเตรียมข้อมูลอะไรบ้าง ที่จะต้องคุยกับเขา เพื่อให้สิ่งที่เขาต้องการในการประชุมในแต่ละครั้ง เพื่อหาข้อมูล แล้วก็หาบทสรุปให้ได้ ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าเจอปัญหา คุณจะต้องทำอะไรบ้าง เขาก็จะไม่ได้บอกเราอย่างชัดเจน แต่ว่าบางทีเราก็จะมีการเตรียมข้อมูล และคุยแบบ Negotiate ร่วมกัน อย่างเช่น พวกต่อรองเวลา เพราะว่าทาง QC เขาก็จะบอกว่า คุณต้องทำอย่างรวดเร็วนะ เพราะว่าเราต้องทำอย่างงี้ ๆ ในสภาวะที่กำลังคนจำกัด เราจะไม่สามารถหาข้อมูลอย่างได้ชัดเจน และก็ต้องตกลงร่วมกัน ก็เป็นเรื่องของ Negotiate ในส่วนของ Timing และก็วิธีการทำงาน เมื่อก่อนเราอาจจะแบบมีความต้องการของเรา เราก็จะอัดแต่ความต้องการของเราอย่างเดียว แต่เราไม่ได้ฟังว่าเขาต้องการอะไรแบบ win win ตอนนี้เหมือนเราก็ปรับทัศนคติด้วยว่า เขาต้องการเพราะเหตุผลแบบนี้นะ เราควรจะต้องทำอะไรก่อน 1 2 3 ประมาณนี้ค่ะ พอจะช่วยได้ในระดับนึง แต่มันก็ไม่ได้ตรงเต็มร้อยนะ เพราะว่าที่เรียนมา ส่วนใหญ่เขาจะยกตัวอย่างสถานการณ์ในส่วนของฝ่ายขาย

อยากจะให้พี่นุ่น ฝากถึงคนที่อยากเรียนรู้พัฒนาตัวเอง หรือคนที่สนใจหน่อยค่ะ

เบื้องต้นคลาสนี้มีประโยชน์ค่ะ อย่างเมื่อก่อนเราอาจจะไม่รู้ว่าสารคืออะไร สิ่งที่เราสื่อคืออะไร แล้วเวลาเราจะ Negotiate เราจะต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง อันนี้จะช่วยให้เรามีความเตรียมพร้อมก่อนนะ ถ้า Goal เราเป็นแบบนี้ เราจะต้องเตรียมแบบนี้ ซึ่งมันมีประโยชน์กับคนที่ทำงาน ในส่วนของการประสานงานกับทั้งทางลูกค้าเอง หรือการประชุมในแต่ละประชุมของแต่ละโรงงาน คิดว่าที่โรงงานทุกโรงงานคงจะมีปัญหาเหมือนกัน เวลาประชุมไปแล้วไม่มีบทสรุปอะไรเลย เพราะว่าคุณไม่มีการตั้ง Goal มาก่อนว่าการประชุมนี้คุณอยากจะได้ Goal อะไรขึ้นมา มันก็เลยมีปัญหาว่าประชุมกันไปก็เหมือนการบอกเล่า ให้เขารับฟัง เหมือนแค่การบอกเล่าเก้าสิบ ฉันทำอย่างงี้ ๆ แต่ไม่มีใครสรุป หรือไม่มี Goal แล้วฉันจะต้องต่อรองให้ได้อะไรขึ้นมา ก็มองว่ามันก็เป็นประโยชน์นั่นแหละ มันสามารถ Matching กับการประชุมได้ด้วย