คอร์สเรียนภาษา C ภาษาพื้นฐานยอดนิยมของการเขียนโปรแกรมในยุคนี้

ทำไมต้องมองหาคอร์สเรียนภาษา C

ภาษา C เป็นภาษาโปรแกรมพื้นฐาน ที่ได้รับการพัฒนาขึ้นในช่วงต้นทศวรรษ 1970 โดย Dennis Ritchie จาก Bell Labs ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่า เป็นหนึ่งในภาษาโปรแกรมที่มีอิทธิพลมากที่สุด ด้วยการใช้งานที่เรียบง่าย สามารถปรับใช้ได้กับทุกระบบ มีโครงสร้างและฟังก์ชันที่หลากหลาย ที่จะช่วยให้โปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เรียนรู้การใช้จริงด้วยคอร์สเรียนภาษา C จากมือโปร

หากเราสนใจที่จะลงคอร์สเรียนภาษา C เราจะต้องพิจารณาหลาย ๆ องค์ประกอบ เพื่อคัดเลือกคอร์สเรียนที่เราสามารถเรียนรู้และลองปฏิบัติจริงกับผู้เชี่ยวชาญจริง ๆ ด้วยหลักการดังต่อไปนี้

• พิจารณาจากสถาบันที่เปิดคอร์สเรียนเขียนโปรแกรม ที่มีชื่อเสียงและมีการแนะนำจากผู้ลงเรียนจริง
• ศึกษารายละเอียดเนื้อหาในคอร์สเรียนภาษา C ว่า มีเนื้อหาในส่วนที่เราต้องการเรียนรู้ครบถ้วนหรือไม่
• หาข้อมูลเกี่ยวกับอาจารย์ผู้สอนว่า มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์เกี่ยวกับภาษาซีมากเท่าใด คุ้มค่ากับการเรียนภาษา C จากเขาหรือไม่
• สำหรับคอร์สเรียนภาษา C ออนไลน์ สามารถเข้าเรียนได้อย่างอิสระ มีวิดีโอบรรยาย แบบฝึกหัดการเขียนโค้ดแบบโต้ตอบ และฟอรัมสนับสนุน เพื่ออำนวยความสะดวกในการเรียนรู้หรือไม่
• การได้รับใบรับรองจากสถาบัน เมื่อจบคอร์สเรียนภาษา C เรียบร้อยแล้ว เพื่อยืนยันว่า เรามีความรู้ความสามารถผ่านเกณฑ์

ถึงแม้ว่า เราจะลงเรียนภาษา C กับมือโปรตามคอร์สเรียนภาษา C ออนไลน์แล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือ เราต้องมีวินัยในการเรียนและหมั่นทบทวนแบบฝึกหัดอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาความรู้ให้กลายเป็นทักษะติดตัว ที่เราสามารถนำไปประยุกต์ในการเรียนหรือการทำงานต่อไปได้

คอร์สเรียนภาษา C สามารถต่อยอดกับภาษาอะไรได้อีกบ้าง

คอร์สเรียนภาษา C สามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการเรียน Programming และทำความเข้าใจกับภาษาโปรแกรมอื่น ๆ ได้อีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น

• ภาษา C++ เป็นส่วนเสริมของภาษา C โดยเพิ่มคุณสมบัติการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object Oriented Programming-OOP) เนื่องจาก C++ สร้างจากไวยากรณ์และแนวคิดของ C นิยมใช้ในการพัฒนาเกม การเขียนโปรแกรมระบบ และแอปพลิเคชันที่เน้นประสิทธิภาพ
• ภาษา Objective-C เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมหลักที่ใช้สำหรับการพัฒนาแอพ macOS และ iOS การเรียนภาษา C สามารถใช้เป็นความรู้พื้นฐานที่ดีสำหรับการเรียนรู้ Object-C ได้
• ภาษา C# เป็นภาษายอดนิยมที่พัฒนาโดย Microsoft ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับภาษา C และภาษา C++ 
• ภาษา Java เป็นอีกภาษาหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ทั้งสองภาษามีไวยากรณ์ที่คล้ายกัน ทั้งในด้านโครงสร้างและประเภทข้อมูล นอกจากนี้ เรายังสามารถเข้าใจหลักการของ Java ง่ายขึ้น ถ้าหากเราเคยเรียนภาษาซีมาก่อน โดย Java จะใช้ในการพัฒนาเว็บ การพัฒนาแอพ Android และซอฟต์แวร์ระดับองค์กร
• ภาษา Rust เป็นภาษาการเขียนโปรแกรมระบบสมัยใหม่ที่เน้นเรื่องความปลอดภัย การทำงานพร้อมกัน และประสิทธิภาพ โดยพัฒนามากจากภาษา C และ C++ แต่เพิ่มเติมในส่วนของการรับประกันความปลอดภัยของหน่วยความจำ
• Assembly Languages เป็นภาษาที่ใช้ในการเข้าถึงฮาร์ดแวร์โดยตรง การเรียนภาษา C จะช่วยในการทำความเข้าใจโค้ดแอสเซมบลี เนื่องจากภาษา C จะช่วยควบคุมหน่วยความจำ พอยน์เตอร์ และการทำงานได้อย่างละเอียด

ซึ่งตัวอย่างภาษาที่ยกมาเหล่านี้ ล้วนแต่มีความคล้ายคลึงกับภาษา C แต่แต่ละภาษาก็มีเอกลักษณ์และการใช้งานที่เฉพาะตัว อย่างไรก็ตาม การเรียนภาษา C จากคอร์สเรียนภาษา C ของมือโปรทั้งหลายก็จะช่วยให้เราเข้าใจแนวคิดการเขียนโปรแกรม ไวยากรณ์ และโครงสร้างการควบคุมได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ เรียนรู้ และต่อยอดภาษาต่าง ๆ ต่อไป