ช่วยแนะนำตัวเองหน่อยได้ไหมคะ

          สวัสดีค่ะชื่อลูกหนูนะคะ ปัจจุบันเป็น General Manager ที่บริษัท ธรรมดีเจริญ อีควิปเมนท์ เป็นโรงงาน OEM , ODM มีโรงงานเครื่องสำอาง และมีอีกฝั่งที่เป็นอะไหล่เครื่องปรับอากาศ และก็มีเกี่ยวกับการออกแบบภายในด้วยค่ะ

ทำไมคุณลูกหนูถึงตัดสินใจเรียนออนไลน์คะ

          ส่วนตัวเป็นคนที่ชอบเรียนอยู่แล้วค่ะ เคยเรียนคอร์สออนไลน์พวก Thai MOOC หรือว่าคอร์สของมหิดลที่เขามีเปิดให้เรียน แต่คอร์สจะเป็นคอร์สพื้นฐาน อารมณ์แบบอยู่ในคลาสเรียนตามมหาวิทยาลัยมากกว่า ไม่ได้มีพวกคลาสที่เป็นคลาสใหม่ๆ สำหรับการเอาไปใช้ในการทำงานได้จริงมากนัก

          แล้วเราเนี่ยเรียนมาสายวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง คือเรียนมาเพื่อเป็น R&D เลยค่ะ แต่พอต้องเข้ามาบริหารธุรกิจของตัวเอง เราก็ไม่ได้มีความรู้เกี่ยวกับวิธีการคิดในเชิงธุรกิจหรือเกี่ยวกับการตลาดมาก่อนเลย แล้วยิ่งตอนนี้เรากำลังทำแบรนด์เครื่องสำอางของตัวเองด้วย ความรู้เรื่องทำ Content เกี่ยวกับเครื่องสำอางในออนไลน์ก็ยิ่งๆไม่มี มันก็เลยเริ่มมีปัญหาในการทำงาน เพราะว่าเราไม่สามารถหาความรู้พวกนี้ได้จากคอร์สที่เคยเรียนมา

อะไรทำให้เลือกเรียนที่ FutureSkill

          เราเจอ FutureSkill จาก Ads ใน Facebook ค่ะ เห็นโฆษณาเรียนออนไลน์แบบบุฟเฟต์รายปี แล้วเราก็รู้สึก เอ้อ ! แปลกดีนะ เพราะเราเป็นพวกประเภทชอบเรียนดะ แบบเรียนหลายๆอย่าง เช่น ทำธุรกิจยังไง การเงินคิดยังไง วิธีทำการตลาด วิธีคิดต่างๆ พอเรามาเจออันนี้เลยสนใจ เพราะเราเลือกเวลาเรียนได้เอง จะเรียนกี่คอร์สก็ได้ ก็เลยตัดสินใจซื้อแบบรายปีมาดูค่ะ

รียนอะไรใน FutureSkill มาบ้างคะ

          เริ่มแรกเราเรียนคอร์สด้านการตลาด Design thinking แล้วเราก็รู้สึกว่า รู้เรื่องแฮะ สอนให้คนที่ไม่มีพื้นฐานมาเลยเข้าใจได้ ต้องบอกก่อนว่าตัวเราไม่มีความรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำธุรกิจเลยสักอย่าง พอเรียนจบคอร์สคือเปิดโลกมากๆ

ชอบอะไรในคอร์สเรียนของ FutureSkill หรอคะ

          ชอบที่รู้สึกว่าคนสอนพูดรู้เรื่อง ไม่ได้สอนวิชาการขนาดนั้น สามารถเอาความรู้มาปรับใช้ได้ ขนาดเรื่องยากๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนยังรู้สึกว่าเราทำได้ แต่ก็ต้องอาศัยการปรับตัว แล้วลองทำไปเรื่อยๆด้วยนะ อีกอย่างที่ชอบคือแต่ละคอร์สจะมี Online Workshop ให้ลองทำ ก็ยิ่งทำให้เข้าใจมากขึ้นด้วย

           ถ้าถามว่าชอบคอร์สไหนที่สุด เราชอบคอร์สของคุณสรีน่า ตัน ที่เป็น Growth Mindset เราชอบลักษณะท่าทางของเขา ฟังง่ายดี แล้วก็จะมีพวกคอร์ส Content ที่เป็น Digital Marketing เรียนอยู่หลายตัวเหมือนกัน ส่วนใหญ่จะเรียนพวก Mindset ต่างๆ กับ Content ที่เอาไปใช้กับงานการตลาดที่ทำธุรกิจเป็นหลัก

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นหลังจากเรียนคอร์สเหล่านี้ไปแล้ว

          เมื่อก่อนเวลาน้องฝ่ายการตลาดส่งงานมาให้เราดู บางทีเราก็ให้ลงงานไปเลย เพราะเราไม่รู้เรื่อง แต่พอเราเรียนมาแล้วมีความรู้มากขึ้น เราก็สามารถ Comment งานได้ ออกความคิดเห็นในการเสริมส่วนต่างๆเพิ่มเติมได้ ทำให้เราสามารถที่จะควบคุมเขาได้มากขึ้น ไม่ปล่อยงานไปเฉยๆเหมือนที่ผ่านๆมา

แล้วก็คอร์ส Design Thinking ที่เรียนมาเราก็อาจจะยังไม่ได้เก่งขนาดนั้น แต่พอจะรู้ Step ในการวางแผนมากขึ้นแบบ 1 2 3 4 5 ควรเริ่มจากอะไรตรงไหนบ้าง อีกอย่างเมื่อก่อนธุรกิจที่ทำจะเป็นแค่ซื้อมาขายไป ปกติแล้วลูกค้าจะเข้ามาหาเราที่บริษัท เพราะว่าเรามีของค่อนข้างเยอะ แต่พอสถานการณ์โควิด เราก็เลือกที่จะกระจายออกไปทางออนไลน์ โดยใช้แนวคิดธุรกิจที่แยกออกมาจากธุรกิจที่ซื้อมาขายไปเฉยๆ พอเราได้ความรู้เรื่อง Design Thinking ว่าลูกค้าอยู่ไหน แล้วจะหาลูกค้าได้ยังไง ไปปรับใช้ดู ทำให้เห็นได้ชัดเลยว่าลูกค้าเข้ามาทางช่องทางออนไลน์มากขึ้นกว่าเดิม แล้วยังช่วยระบบในร้านให้ไปในทิศทางเดียวกันด้วย เพราะเราก็เริ่มศึกษามาแบบ งงๆ ไม่ได้เรียนธุรกิจมาเลย พอได้เรียนแล้วก็รู้สึกว่าช่วยได้ค่อนข้างเยอะค่ะ

คุณลูกหนูจัดสรรเวลาเรียนยังไงบ้าง

          จริงๆแล้วเราค่อนข้างยุ่งเลยนะ เพราะบริหาร 2 ฝั่ง ทั้งฝั่งโรงงานเครื่องสำอาง และฝั่งเครื่องปรับอากาศด้วย แต่เราอาศัยการจัดเวลาหลังเลิกงาน 2 ทุ่มก็จะเรียนไปจนถึงช่วงก่อนจะนอนเลยค่ะประมาณ 4-5 ทุ่ม อย่างเสาร์-อาทิตย์เรามีเป็นครูสอนพิเศษด้วย สอนเด็ก ป.3 – ม.3 ช่วงเด็กๆเปิดเทอม ก็อาจจะไม่ได้ว่างเข้าไปเรียนออนไลน์ แต่ถ้าช่วงที่เด็กๆปิดเทอมก็จะมีเวลาว่างช่วงนั้นเขามาเรียนต่อค่ะ

มีแผนอยากให้พนักงานที่บริษัทเรียนเพื่ออัปสกิลบ้างไหมคะ

          ปีหน้ามีคิดจะให้เรียนอยู่นะคะ แต่ก็สงสารลูกน้องเหมือนกัน เพราะว่างานเยอะมากๆ แล้วก็ไม่รู้ว่าเขามีความต้องการพัฒนาตัวเองมากขนาดไหนด้วย แต่ที่แน่ๆ คืออาจจะให้สามีลองดูก่อน เพราะสามีชอบมาถามว่า “เรียนอะไรอะ?” เลยจะจับมาเรียนด้วย (ฮา)

มีแพลนอยากเรียนรู้อะไรเพิ่มเติมอีกไหม

          ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ตัวนึง แล้วคิดว่าตรงกับที่เราต้องการมากที่สุดคือ สร้างแบรนด์ตลาดเครื่องสำอาง ซึ่งก็ตรงกับที่เราต้องการใช้ ก็เลยสนใจเรียนเพิ่มเรื่องการตลาดเกี่ยวกับเครื่องสำอางหรือว่าความงามให้มากขึ้น

          อีกเรื่องคือเรื่องการเงิน เพราะอย่างที่บอกว่าเราเรียนมาทางด้านวิทย์จ๋ามากเลย แต่จำเป็นต้องมาดูเรื่องการเงิน บัญชีด้วย เพราะจะได้คุยกับบัญชีรู้เรื่อง เช่น อันนี้ VAT ได้ VAT ไม่ได้ หรืออย่างพวกเรื่องสต็อกสินค้าพวกนี้ก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะว่าไม่ได้เรียนมาก็คิดว่าจะเรียนส่วนนี้เพิ่มด้วยค่ะ

ไม่รู้ว่าผู้บริหารคนอื่นเขาคิดเหมือนกันไหม แต่ในมุมของเราคิดว่า เราต้องรู้ในส่วนที่เราควรรู้ เพื่อที่เราได้จะดูแล และตรวจสอบได้ทั้งหมด เพื่อให้รู้ว่าสิ่งที่แต่ละฝ่ายทำนั้นถูกต้องไหม จริงๆลงคอร์สพวกการทำธุรกิจไว้เยอะมากเลยนะ เพราะมันจำเป็นจริงๆ

คุณลูกหนูอยากฝากอะไรถึงคนทำงานที่อยากพัฒนาตัวเองเหมือนกันบ้างคะ

          ถ้าสำหรับลูกหนูคงเป็นเรื่องของ “เวลา” เพราะทำธุรกิจเนี่ยมันยุ่งตลอดเวลาเลย บางที 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ลูกค้าโทรมา ทำให้เราอาจจะควบคุมเวลาบางอย่างไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ผลัดออกไป ซึ่งเราสามารถจัดสรรบางอย่างได้ เช่น “อันนี้ให้คนอื่นทำก็ได้ มีลูกน้องก็ให้เขาทำไป” อย่าคิดว่าเดี๋ยวค่อยเรียน เดี๋ยวค่อยรู้ แล้วไปทำเรื่องที่ด่วนก่อน ไม่อยากให้เราปล่อยเวลาไปเฉยๆ ถ้ามารอเวลาที่พร้อมก็จะยิ่งช้าไปเรื่อยๆ คำว่า“เดี๋ยวก่อน” เนี่ยเป็นคำที่ทำให้เราหยุดอยู่กับที่เลยนะคะ

อีกอย่างคือ “อย่าเป็นคนที่น้ำเต็มแก้ว” บางทีน้องๆที่ทำงานที่จบใหม่เนี่ยเขาก็จะมีความคิดที่บรรเจิดมาก แต่บางทีเราอาจจะไม่อยากสนใจทำให้เราไม่ฟังความคิดเห็นเขาเลย ลูกหนูคิดว่าอยากให้ลองเปิดใจรับฟัง แล้วพัฒนาตัวเองไปพร้อมๆกับพวกเขาด้วยดีกว่า ถึงจะทำให้ธุรกิจของเราเติบโตไปได้ค่ะ 

รบกวนคุณลูกหนูฝากผลงานตัวเองหน่อยค่ะ

ลูกหนูขอฝากแบรนด์เครื่องสำอางที่กำลังจะเปิดตัว แล้วก็บริษัท ธรรมดีเจริญ อีควิปเมนท์ เครื่องปรับอากาศ อะไหล่ ออกแบบภายใน ด้วยนะคะ ถ้าสนใจก็ลองติดต่อมาได้เลยค่ะ 🙂