
ในปัจจุบันกลุ่มคนที่หารายได้จากงานประจำนั้นมีสัดส่วนอยู่มากโดยหากคุณลองคำนวณแผนการบรรลุเป้าหมายการมีอิสรภาพทางการเงิน ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ในช่วงเกษียณ อายุราวๆ 55 – 60 ปี จากรายได้เพียงด้านเดียว แต่หากคุณได้ศึกษาวิธีการหาเงินรูปแบบต่างๆ คุณจะรู้ถึงข้อได้เปรียบว่าเราไม่จำเป็นต้องมีรายรับจากเงินเดือนเท่านั้นครับ
หากคุณเป็นผู้ที่ชอบอ่านหนังสือคงจะคุ้นตากับปกเล่มสีม่วงที่ตั้งอยู่ในโซนหนังสือการเงินขายดี ที่มีชื่อว่า “พ่อรวยสอนลูก” เขียนโดย Robert Kiyosaki ซึ่งเนื้อหาของเล่มนี้ ได้แนะนำแนวคิดเกี่ยวกับทฤษฎี Four Faces of Finance (เงิน 4 ด้าน งาน 4 แบบ) ในบทความนี้ ผมจะอธิบายความหมายของ แต่ละด้านกันครับ เรามาเริ่มจากการรู้จักกับความหมายของเงินทั้ง 4 ด้านกันก่อน…
ด้านที่ 1 : E (Employee : ลูกจ้าง) “งานที่ใช้เวลาแลกเงิน..รายได้สม่ำเสมอ”
การหาเงินที่ได้จากการรับจ้าง มีความมั่นคงของอาชีพ รู้จำนวนรายรับแน่นอน ซึ่งต้องเอาเวลาไปแลกกับเงิน ยกตัวอย่างเช่น พนักงานบริษัท, ข้าราชการ, พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ด้านที่ 2 : S (Self – Employed: เจ้านายตัวเอง) “ยิ่งทำเยอะ…ยิ่งได้รายได้เยอะ”
ได้รับรายได้ตามความสามารถ ประสบการณ์ หรือความนิยม มีความอิสระในการทำงาน แต่ต้องรับมือกับความเสี่ยงทางการเงินที่ไม่สม่ำเสมอเป็นอาชีพเฉพาะทาง เช่น ทนายความ นักบิน นายหน้า แพทย์ หรือเจ้าของธุรกิจส่วนตัวหรือธุรกิจขนาดเล็ก
ด้านที่ 3 : B (BUSINESS OWNER: เจ้าของธุรกิจ) “ให้ระบบ..สร้างรายได้”
ได้รับรายได้จากธุรกิจจากการจ้างคนในองค์กรให้ทำงานเป็นระบบ ทำให้ไม่ต้องลงแรงงานเองทั้งหมด มีความอิสระในการทำงาน อย่างไรก็ตามต้องรับมือกับความเสี่ยงทางธุรกิจและสถานการณ์เศรษฐกิจ
ด้านที่ 4 : I (INVESTOR: นักลงทุน) “การเอาเงิน…ไปต่อยอดเพื่อสร้างรายได้”
ใช้เงินเพื่อสร้างผลตอบแทนโดยอาศัยความรู้และประสบการณ์มากกว่าการออกแรงและใช้เวลาในการทำงาน ซึ่งต้องรับความเสี่ยงได้เพื่อเพิ่มผลตอบแทนสูงสุด อย่างไรก็ตาม การลงทุนก็มีความเสี่ยงสูงและใช่ว่าทุกการลงทุนจะได้กำไรจำเป็นต้องมีต้นทุนและความรู้ทางการเงินเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ พอจะเข้าใจความหมายของการหาเงินในแต่ละด้าน คุณเองนั้นสร้างรายได้อยู่ในประเภทใดครับ? การหาเงิน 4 ด้าน งาน 4 แบบนั้นมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ข้อดีของงานในฝั่ง เจ้าของธุรกิจ (B) และ นักลงทุน (I) คือมีโอกาสได้รับรายได้จำนวนมากโดยที่ไม่ต้องลงแรงเองทั้งหมด ส่วนข้อจำกัดก็ต้องมีความรู้ทางการเงินและรู้จักควบคุมความเสี่ยงของการขาดทุนส่วนงานในฝั่ง ลูกจ้าง (E) และ เจ้านายตัวเอง (S) ให้ความมั่นคงแต่ขาดอิสรภาพด้านรายได้ซึ่งบางคนเลือกที่จะทำงานเป็นพนักงานประจำจนเกษียณอาจจะต้องใช้เวลาหลาย 10 ปี แต่บางคนเลือกที่จะนำเงินที่ได้ไปต่อยอดต่างๆ เช่น การเล่นหุ้นก็จะทำให้มีเงินก้อนไวมากขึ้น
การเป็นพนักงานประจำ สามารถวางแผนงานที่ทำได้ และพัฒนาตนเองให้เติบโตในสายงานยังเป็นเรื่องหลักที่คุณจำเป็นจะต้องทำครับขณะเดียวกันคุณก็สามารถเพิ่มรายได้จากการลงทุน (I) แต่ต้องอาศัยความรู้ทางการเงิน เพราะหากคุณเข้าไปลงทุนโดยที่ไม่มีความรู้ สุดท้ายอาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้สำหรับมนุษย์เงินเดือนเพื่อช่วยให้คุณเอาชนะเกมการเงินในชีวิต จริงกันครับ